การเลี้ยงดิน
เลี้ยงดินโดนการสร้างอินทรีวัตถุให้กับดินเพื่อเพิ่มอินทรีวัตถุให้กับดินเพื่อให้
เป็นอาหารเลี่ยงพืชวิธีสร้างก็คือเอาปุ๋ยพืชสด(พืชตระกูลถั่วจะดีที่สุดจะมี
คุณสมบัติในการสร้างไนโตรเจนให้กับดิน)ต่อไปก็เอาไปหว่านลงในแปลงนาของเรา
ให้งอกขึ้นมาเจริญเติมโตจนกว่าจะออกดอก(ช่วงออกดอกจะเป็นช่วงที่สะสมธาตุ
อาหารเต็มที่)เราก็จะตัดและไถกลบพอเสร็จเราก็เอาน้ำน้ำหมัก จุลินทรีย์ที่เราหมักเองไปฉีกรดราดในดินของเราและปล่อยน้ำลงไปเพื่อให้หมัก
ปุ๋ยพืชสดให้เปื่อยเน่าซึมลงไปในดินหลังจากปรับปรุงดินดีแล้วพอถึงฤดูตกกล้า
เมล็ดพันธุ์ข้าวเราก็จะเลือกด้วยตัวเอง
การไถดะ
เป็น
การไถครั้งแรกตามแนวยาวของพื้นที่นา
การไถดะจะช่วยพลิกดินเพื่อให้ดินชั้นล่างได้ขึ้นมาสัมผัสอากาศรับออกซิเจน
และเป็นการตากดินเพื่อทำลายวัชพืช โรคพืชบางชนิด
การไถดะบางพื้นที่จะไถหลังฝนตกเมื่อดินเกิดความชุ่มชื่นหรือชิวิธีวิดน้ำ
เจ้ามาแทนการจะปล่อยน้ำเข้ามาต้องดูสภาพดินด้วยควรปล่อยมากหรือน้อยการปล่อย
น้ำเข้ามาเพื่อให้ไถได้ง่ายขึ้นหลังจากไถดะจะตากดินไว้ประมาณ 1-2สัปดาห์
การไถแปร
หลัง
จากที่ตากดินไว้พอสมควรแล้ว
การไถแปรจะช่วยพลิกดินที่กลบไว้เอาขึ้นมาอีกครั้งเพื่อทำลายวัชพืชที่ขึ้น
ใหม่และเป็นการย่อยดินให้มีขนาดเล็กลงจำนวนการไถแปรจึงขึ้นอยู่กับชนิดและ
ปริมาณของวัชพืช ลักษณะดินและระดับน้ำ
วิธีการคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อเพาะ
การคัดพันธุ์ข้าวจากรวง
1. เกี่ยวพันธุ์ข้าวที่ต้องการในแปลงนา โดยเลือกต้นที่ห่างจากพันธุ์อื่นๆ 1-2
เมตร ตามปริมาณที่ต้องการ
2.นำรวงข้าวที่เกี่ยวมาแล้วมาผึ่งแดด 2-3 แดด
3. หลังจากนั้นนำมาคัดเลือกรวงที่มีลักษณะรวงใหญ่ ยาว เมล็ดสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยของโรคหรือแมลงรบกวน
4. นำรวงที่คัดเลือกแล้วมานวดรวมกัน ตากแดด 1-2 แดด แล้วจัดเก็บใส่ถุงเพื่อนำไปขยายพันธุ์ต่อไป
2.นำรวงข้าวที่เกี่ยวมาแล้วมาผึ่งแดด 2-3 แดด
3. หลังจากนั้นนำมาคัดเลือกรวงที่มีลักษณะรวงใหญ่ ยาว เมล็ดสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยของโรคหรือแมลงรบกวน
4. นำรวงที่คัดเลือกแล้วมานวดรวมกัน ตากแดด 1-2 แดด แล้วจัดเก็บใส่ถุงเพื่อนำไปขยายพันธุ์ต่อไป
การคัดเมล็ดพันธุ์ด้วยน้ำเกลือ
วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเพาะกล้า
1.กะละมังหรือถัง 2 ใบ
2.มุ้งฟ้าทีมีขนาดใหญ่กว่ากะละมัง
3.พันธุ์ข้าวตามจำนวนที่ต้องการคัดพันธุ์
4.ไข่ดิบ
5.เกลือ
6.เหรียญ 5 บาท
7.น้ำเปล่า
8.เหยือกน้ำ
วิธีการทำ
วางมุ้งฟ้าลงในกะละมังที่เตรียมไว้
1.เทน้ำเปล่าลงในกะละมัง และวางไข่ดิบไปในน้ำ(ไข่จะจม)
2.เอาเกลือใส่เหยือก เทน้ำลงไปในเหยือก
คนให้เกลือละลายเป็นน้ำเกลือเข้มข้น
3.ค่อยๆ เทน้ำเกลือใส่ในกะละมัง ไข่จะลอยขึ้นอยู่เหนือน้ำจนมีขนาดเท่าเหรียญ
5 บาท
ซึ่งแสดงว่าน้ำมีความถ่วงจำเพาะที่ทำให้เมล็ดข้าวที่ไม่สมบูรณ์ลอยขึ้นมา
ข้าวที่จมอยู่ทุกเมล็ดคือข้าวสมบูรณ์ เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี
4.หยิบไข่ดิบออกจากกะละมัง ตักเมล็ดข้าวที่ลอยขึ้นมาเหนือน้ำออก
เนื่องจากเป็นเมล็ดข้าวที่ไม่สมบูรณ์
5.ถ้าใช้น้ำธรรมดาคัดพันธุ์ข้าวแทนน้ำเกลือ
ข้าวที่มีเนื้ออยู่ครึ่งหนึ่งหรือเมล็ดข้าวที่เป็นโรคยังจมอยู่
การคัดด้วยน้ำเกลือจำคัดเมล็ดพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ออกทั้งหมด
6.ยกมุ้งฟ้าที่มีเมล็ดข้าวที่สมบูรณ์ขึ้นจากกะละมังนำไปล้างด้วยน้ำสะอาด
1 ครั้ง ก่อนนำไปเพาะกล้า
เลือกชนิดที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมควรปลูกก่อนการปักดำข้าวในระยะเวลาพอสมควร
เพื่อให้ต้นปุ๋ยพืชสดมีช่วงการเจริญเติบโตเพียงพอที่จะผลิตมวลพืชสดได้มาก
มีความเข้มข้นของธาตุไนโตรเจนสูงและไถกลบต้นปุ๋ยพืชสดก่อนการปลูกข้าวตามกำหนดเวลา
เช่น โสนอัฟริกัน (Sesbaniarostrata) ควรปลูกก่อนปักดำประมาณ
70 วัน โดยใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ประมาณ 7
กิโลกรัมต่อไร่ หากจำเป็นต้องใช้ปุ๋ยฟอสฟอรัสช่วยเร่งการเจริญเติบโต
แนะนำให้ใช้หินฟอสเฟตบดละเอียดใส่ตอนเตรียมดินปลูก แล้วไถกลบต้นโสนขณะมีอายุประมาณ
50-55 วัน หรือก่อนการปักดำข้าวประมาณ 15 วัน
-ปุ๋ยน้่ำหมัก
หรือน้ำสกัดชีวภาพ(Bio Extract)
คือปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้จากการหมักเศษหญ้า ใบไม้ ฟางข้าว
ผลไม้ต่างๆขยะหรืออินทรียวัตถุต่างๆควรให้ทำใช้เองจากวัสดุเหลือใช้ในไร่นา
ในครัวเรือน นำมาหมักร่วมกับกากน้ำตาล(Mollass)
หรือน้ำตาลทรายแดงละลายน้ำ
กลไกการควบคุมโรคพืชในนาข้าวด้วยวิธีชีวภาพของเชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์
เชื้อราไตรโคเดอร์มา
เป็นเชื้อราปฏิปักษ์ของเชื้อราโรคพืช โดยเชื้อราไตรโคเดอร์มาจะไปลดกิจกรรมการดำเนินชีวิตของเชื้อราโรคพืช เช่น ยับยั้งการเจริญเติบโต ยับยั้งการขยายพันธุ์ ด้วยกลไกสามประการ คือ
1. การทำลายโดยตรง
โดยการกินเชื้อราโรคพืชเป็นอาหาร
2. การแก่งแย่งที่อยู่อาศัย
และสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต
3. การสร้างสารปฏิชีวนะที่เป็นอันตรายต่อเชื้อโรคชนิดอื่น
นอกจากนี้
เชื้อราไตรโคเดอร์มายังมาช่วยกระตุ้นให้พืชสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคพืช
กระตุ้นให้รากพืชเจริญเติบโตดีขึ้น ทำให้รากยาวและแข็งแรง
และเมื่ออยู่ในดินจะสร้างสารที่ไปละลายธาตุอาหารในเม็ดหินและดินให้ละลายออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืช
การใช้เชื้อราบิวเวอร์เรียในนาข้าว
เชื้อราบิวเวอร์เรียเป็นเชื้อราที่สามารถให้เกิดโรคได้กับแมลงได้หลายชนิด
โดยเฉพาะเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และหนอนศัตรูพืช เนื่องจากสปอร์ของเชื้อราบิวเวอร์เรียที่ตกที่ผนังลำตัวแมลง เมื่อมีสภาพที่เหมาะสมสปอร์จะงอกแทงทะลุผ่านลำตัวแมลงเข้าไปไชช่องว่างภายใน
ลำตัวและเจริญเติบโตเป็นเส้นใยท่อนสั้นๆ ทำลายเซลล์เม็ดเลือดในตัวของแมลง ทำให้แมลงเป็นอัมพาตและตายไปในที่สุด
หลังจากแมลงตายแล้วเชื้อราจะสร้างสปอร์แพร่กระจายได้ตามธรรมชาติ เฝ้าระวังแปลงนาของเกษตรกรจากแมลงศัตรูข้าง
เพราะสามารถทำลายแมลงได้ทุกระยะ
แต่เมื่อเกษตรกรฉีดพ่นสารเคมีหรือเชื้อราไตรโคเดอร์มา
กำจัดเชื้อราสาเหตุของโรคข้าว
จะทำให้เชื้อราบิวเวอร์เรียถูกทำลายไปด้วย
เป็นการสร้างความสมดุลให้แก่ระบบนิเวศน์วิทยาในนาข้าวต่อไป
เพื่อให้การทำนาสมบูรณ์แบบ ลดต้นทุน
เพิ่มประสิทธิภาพการเจริญเติบโตของต้นข้าว และเพิ่มผลผลิต นวัต
กรรมในการปลูกจะต้องมีการพัฒนาคิดค้นนวัตกรรมตั้งแต่ขั้นตอนของการเพาะต้น
กล้าของข้าวก่อนที่จะนำไปใช้ลงในแปลงปลูกที่เตรียมไว้เพื่อให้แน่ใจได้ว่า
ต้นกล้าที่ได้มีเปอร์เซ็นของการเจริญเติบโตและ อัตราของการเจริญเติบที่ดี
นวัตกรรมการเพาะต้นกล้าเป็นการคิดค้นวิธีในการที่จะทำอย่างไรให้ลดต้นทุน และ
ต้นกล้าที่ได้จะต้องมีการเจริญเติบตี่ดีกว่า คือ
ก่อนที่เราจะทำการเพาะต้นกล้าถ้าแบบวิธีการดั้งเดิมคือการหวานข้าวลงบนแปลงเพาะเลย
แต่ ก่อนี่เราจะหว่าน เราจะนำตาข่ายไนล่อน
มาปูลงบนแปลงที่เราจะใช้ในการเพาะต้อนกล้า
แล้วจึงนำข้าวที่เตรียมมาหว่านลงบนพื้นที่นี้
สิ่งที่ได้จากการทำการเพาะต้นข้าวด้วยวิธีนี้
คือ
1.ลดการช้ำในการถอนต้นกล้าของชาวนาในปัจจุบัน คือ ถอนต้นกล้าแล้วยังต้องเอามากระแทกเอาโคลนออก จากนั้นยังต้องตัดใบ ทำให้ต้นกล้าช้ำ
2.ลดต้นทุนในการจ้างคนที่จะใช้ในการถอนต้นกล้า
3.รากของต้นกล้าจากวิธีนี้ยาวกว่าแน่นอน
ก่อนที่เราจะทำการเก็บพันธุ์กล้าก่อน 1 วัน เราจะใช้น้ำหมักที่หมักไว้ส่วนผสมก็จะมี กากน้ำตาล หมักกับพืชพืชผักผลไม้ต่าง
ฉีดพ้นก่อนหนึ่งวันก่อนถอนต้นกล้า เพื่อเป็นการระเบิดดิน
เพื่อเวลาที่เราถอนต้อนกล้ารากของต้นกล้าไม่ขาด
เมื่อเราได้ต้นกล้าที่ดีแล้วเราก็จะมั่นใจได้ว่าต้นข้าวที่เราจะทำการปลูกต้องมีอัตราการเจริญเติบที่ดี
วิธีการจัดการกับปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต
ดิน
การจัดการดินเปรี้ยว จัดเพื่อเพิ่มผลผลิตข้าว วิธีการที่สะดวก
ปฎิบิติได้ง่ายและได้ผลรวดเร็วคือการใช้วัสดุปูนทางการเกษตรเช่น ปูนมาร์ล หินปูนบด
หรือหินฝุ่นปรับปรุงดิน โดยนำวัสดุปูนอัตราที่เหมาะสมไปหว่านให้ทั่วพื้นที่นา
ไถคลุกเคล้ากับดิน หมักไว้อย่างน้อย7วัน ในสภาพดินชื้น
ดินเปรี้ยวจัด จะมีสภาพดีขึ้น
ปริมาณน้ำ
หากปริมาณน้ำที่เรารับมาจากระบบชลประทานไม่เพียงพอ
หรือปริมาณฝนไม่ตกตามฤดูกาลนั้น
เราก็ควรจัดทำบ่อน้ำไว้เพื่อกักเก็บน้ำในเวลาที่เกิดปัญหาเช่นนี้
แสงอาทิตย์
ปริมาณแสงมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตโดยที่พืชใช้ในกระบวนการ
สังเคราะห์แสงถ้าเกิดบริเวณที่เราปลูกข้าวนั้นพบว่ามีหญ้ารกขึ้นเยอะเกินไป
หรือมีต้นไม้บังต้นข้าวของเราก็ควรกำจัดทิ้งได้
ศัตรูพืช
1.
ก่อนปลูกพืช
1.1) ในกรณีที่ปลูกพืชด้วยเมล็ดพันธุ์ ควรใช้เมล็ดพันธุ์ที่ปราศจากศัตรูพืช
เช่น โรค แมลงและวัชพืช โดยกรรมวิธีดังนี้
-
แช่เมล็ดในน้ำร้อนอุณหภูมิ 50 - 55 ํC นาน 10-30 นาที
(ขึ้นอยู่กับชนิดของเมล็ดพันธุ์เพื่อกำจัดเชื้อราและแบคทีเรียบางชนิดที่ติด
มากับเมล็ด )
-
คลุกเมล็ดด้วยเชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอม่า,
เชื้อแบคทีเรีย Bacillus subtilis (Bs) ขึ้นอยู่กับชนิดเมล็ดพืชและเชื้อสาเหตุของโรค
-
ใช้พันธุ์ต้านทานโรค แมลงและ/หรือวัชพืช
1.2) การเตรียมแปลงเพาะกล้า
-
อบดินด้วยไอน้ำ
-
คลุกดินด้วยเชื้อราปฏิปักษ์
เพื่อควบคุมเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคในระยะต้นกล้า
1.3) การเตรียมแปลงปลูก
-
ไถพรวนและตากดิน 1-2 สัปดาห์
ในเมล็ดวัชพืชงอกแล้วไถกลบซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
-
ใช้พลาสติกใสที่ไม่ย่อยสลายคลุมแปลง
ปลูกเพื่อกำจัดศัตรูพืชในดินโดยใช้แสงแดด
-
ใช้ปูนโดโลไมท์หรือปูนขาวที่ได้จากธรรมชาติเพื่อปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง
ของดินให้ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
-
ใช้น้ำขังท่วมแปลงเพื่อควบคุมโรคและแมลงที่อาศัยอยู่ในดิน
-
ตากดินให้แห้งเพื่อกำจัดแมลงในดิน
-
ใส่เชื้อราปฏิปักษ์ เช่น ไตรโคเดอร์มา ลงในดินสำหรับพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อราบางชนิด
2.
ระยะที่พืชกำลังเจริญเติบโต
2.1 การควบคุมโรค เมื่อมีการระบาดของโรคให้ปฏิบัติดังนี้
-
โรยเชื้อราปฏิปักษ์รอบโคนต้น
-
เก็บชิ้นส่วนของพืชที่เป็นโรคออกจากแปลงปลูกและนำไปเผาทำลาย
-
ใช้เชื้อแบคทีเรีย Bsพ่นหรือทาแผลที่ต้นพืช
2.3 การควบคุมวัชพืช
-
ควรกำจัดวัชพืชในระยะก่อนออกดอกหรือติดเมล็ด
เพื่อลดปริมาณเมล็ดวัชพืชที่สะสมในดินฤดูต่อไป
-
ใช้วิธีทางกายภาพ เช่น การถอน การขุด การตัด ฯลฯ
-
ใช้น้ำร้อน/ไอน้ำร้อน
-
ปลูกพืชตระกุลถั่วคลุมดิน
-
คลุมดินด้วยพลาสติกทึบแสงที่ไม่ย่อยสลาย
-
ใช้สารสกัดจากพืช
วิธีการเก็บเกี่ยวข้าว
วิธีเก็บเกี่ยวข้าว
ในช่วงของการเกี่ยวข้าวเป็นอีกช่วงหนึ่งที่มีความต้องการใช้แรงงานจำนวน
มาก ชาวไร่ชาวนามีวิธีระดมแรงงานในกลุ่มเครือญาติหรือเพื่อนบ้านมาช่วยทำงาน เรียกว่า
“เอามื้อเอาวัน”
หรือ “เอามื้อเอาแฮง”
การใช้เคียวเกี่ยวข้าว
การใช้เคียวเกี่ยวข้าว
วิธีเกี่ยวข้าวโดยใช้เคียว
ชาวไร่ชาวนาจะถือเคียวด้วยมือข้างที่ถนัด แล้วใช้เคียวเกี่ยวกระหวัดกอข้าวทีละกอ ในขณะเดียวกันก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับกอข้าวนั้น
และออกแรงดึงเคียวให้คมเคียวตัดลำต้นข้าวให้ขาดออกมา โดยทั่วไปจะเกี่ยวให้มีความยาวของต้นข้าวห่างจากรวงข้าว
ให้พอเหมาะที่จะนำไปฟาดข้าวได้สะดวก หรือให้มีความยาวของต้นข้าวพอที่จะนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นต่อไปได้
เช่น ใช้คลุมแปลงปลูกหอม กระเทียม ฯลฯเมื่อเกี่ยวข้าวได้เต็มกำมือแล้ว
บางคนจะมัดข้าวเป็นมัดๆ ก่อนวางตากแดด แต่บางคนก็วางตากเลยโดยไม่มัด
https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fyoutu.be%2F50s-9KFhWVA&h=ATPjWAdYgHUIv3zjKajey7HWUWZpVrN5UnesNjYp8vfY95RnapOzrVOruMuzkCTpBf6wDCncQEA6g5jvURtDVt51-mx1dR9vhaeu46bqI_PxLkKDpaT6O0NpFHWWuA6A187c&s=1
ตอบลบทำนาอินทรีย์ครับ
ตอบลบhttps://www.youtube.com/watch?v=obZ19MMkB3I