ปัจจัยและผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว
ดิน
ข้าวขึ้นได้ในดินเกือบทุกชนิดยกเว้นดินทรายส่วนใหญ่ชอบขึ้นในดินเหนียว
และเหนียวปนร่วน มีความเป็นกรดและด่าง (pH) ตั้งแต่ 3-10
ขึ้นได้แม้กระทั่งในดิน
ที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
ปริมาณน้ำ
ข้าวมีความต้องการน้ำตั้งแต่
875มิลลิเมตร (ข้าวไร่) จนถึง 2,000 มิลลิเมตร
(ข้าวนาสวน) ต่อปี แต่ควรมีการกระจายฝนที่ดีในพื้นที่ที่ไม่ได้รับน้ำชลประทานหรือที่เรียกว่านาน้ำฝน
ซึ่งส่วนใหญ่จะปลูกข้าวได้ในนาปีเท่านั้น และการตอบสนองต่อความต้องการน้ำยังขึ้นอยู่กับพันธุ์
และช่วงของการเจริญเติบโตในช่วงเตรียมดินควรมีน้ำประมาณ 150 - 200 มิลลิเมตร ช่วงที่เป็นต้นกล้าต้องการน้ำประมาณ 250 - 400 มิลลิเมตรจนถึงต้นกล้าอายุ30-40 วัน
ส่วนในช่วงปักดาจนกระทั่งเก็บเกี่ยวนั้นควรมีน้าอยู่ในช่วง 800 - 1,200 มิลลิเมตร
แสงอาทิตย์
ปริมาณแสงมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตโดยที่พืชใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง
และช่วงเวลาสั้นยาวของกลางวันกลางคืนยังมีผลต่อการเจริญทางการสืบพันธุ์ของข้าวไวแสง
ความเข้มของแสงในฤดูฝนซึ่งมีเมฆหมอกมากนั้นจะน้อยกว่าความเข้มแสงในฤดูร้อน
ผลผลิตข้าวส่วนใหญ่จึงน้อยกว่าเมื่อปลูกในฤดูฝน แสงแดดมีความจาเป็นมากในช่วงเริ่มสร้างดอกจนกระทั่ง10
วันก่อนเมล็ดแก่
อุณหภูมิ
ได้มีการศึกษาพบว่าอุณหภูมิมีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตของข้าวและการให้ผลผลิต
พบว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมจะอยู่ในระหว่าง 25-33 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิที่ต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป (ต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส สูงกว่า 35
องศาเซลเซียส) จะมีผลต่อการงอกของเมล็ด การยืดของใบ การแตกกอ การสร้างดอกอ่อน
การผสมเกสร เป็นต้น เช่น พบว่าอุณหภูมิที่สูงเกินไปและต่ำเกินไปช่วงที่มีการออกดอกจะทาให้ดอกข้าวเป็นหมัน
ซึ่งจะส่งผลทำให้ได้ผลผลิตต่ำกว่าปกติ เป็นต้น
ความชื้นสัมพัทธ์
อิทธิพลของความชื้นสัมพัทธ์ของบรรยากาศต่อการเจริญเติบโตของข้าวนั้นมักจะไม่ชัดเจน
เพราะจะมีปริมาณความเข้มแสงและอุณหภูมิในเชิงที่กลับกันคือเมื่อความเข้มของแสงมากและอุณหภูมิสูงมักทาให้ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำอุณหภูมิเย็นในเวลากลางคืนทาให้เกิดน้าค้างสูง
จะมีผลต่อการพัฒนาของเชื้อโรคของข้าวบางชนิด เช่น โรคใบไหม้ได้เหมาะสมยิ่งขึ้น เป็นต้น
ลม
ลมอ่อนที่พัดถ่ายเทอยู่ตลอดเวลา
จะช่วยให้มีการถ่ายเทก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใช้ในการสังเคราะห์แสงได้ดี ทำให้พืชสามารถสังเคราะห์แสงได้มากยิ่งขึ้น
แต่ถ้าลมแรงจะมีผลโดยตรงทาให้ต้นข้าวหักล้ม เกิดความเสียหายแก่ผลผลิตได้
ส่วนฤดูเพาะปลูก สามารถปลูกได้ตลอดปี แต่ควรหลีกเลี่ยงช่วงการปลูกที่ต้นข้าวจะออกดอกในช่วงอุณหภูมิต่ำกว่า
20 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่า 33 องศาเซลเซียส
และหลีกเลี่ยงการปลูกที่ต้องเก็บเกี่ยวในช่วงที่ฝนชุก
เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ จำเป็นต้องวางแผนการปลูกที่เหมาะสม
ศัตรูพืช
ศัตรูพืชนั้นมีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว
แมลงศัตรูที่พบในแปลงนา
ระยะแตกกอ : หนอนกอข้าว. หนอนห่อใบข้าว. เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล. หนอนปลอกข้าว. แมลงบั่ว.
แมลงดำหนาม. เพลี้ยจักจั่นสีเขียว. ด้วงดำ. แมลงหล่า.
หนอนกอทำลายข้าวตั้งแต่ข้าวเล็กจนถึงระยะข้าวออกรวง
ในประเทศไทยมีรายงานพบ 4 ชนิด คือ หนอนกอสีครีม หนอนกอแถบลาย หนอนกอแถบลายสีม่วง
และหนอนกอสีชมพู
ลักษณะการทำลายและการระบาด
:
หนอนกอข้าวทั้ง
4 ชนิด ทำลายข้าวลักษณะเดียวกันโดยหลังหนอนฟักจากไข่จะเจาะเข้าทำลายกาบใบก่อน
ทำให้กาบใบมีสีเหลือง
หรือน้ำตาล
ซึ่งจะเห็นเป็นอาการช้ำๆ เมื่อฉีกกาบใบดูจะพบตัวหนอน
เมื่อหนอนโตขึ้นจะเข้ากัดกินส่วนของลำต้น ทำให้เกิดอาการใบ
เหี่ยวในระยะแรก
ใบและยอดที่ถูกทำลายจะเหลืองในระยะต่อมา
ซึ่งการทำลายในระยะข้าวแตกกอนี้ทำให้เกิดอาการ “ยอดเหี่ยว” (deadheart) ถ้าหนอนเข้าทำลายในระยะข้าวตั้งท้องหรือหลังจากข้าวออกรวงจะทำให้เมล็ดข้าวลีบทั้งรวง
รวงข้าวมีสีขาวเรียกอาการ นี้ว่า“ข้าวหัวหงอก”
(whitehead)ลักษณะการทำลาย ของหนอนกอในข้าว ระยะแตกกอทำให้ยอดเหี่ยว
ระยะออกรวงทำให้รวงข้าวสีขาวเมล็ดลีบหนอนกอข้าวเป็นแมลงศัตรูข้าวที่พบเป็นประจำในนาข้าว
แต่มักจะไม่ทำความเสียหายข้าวลีบทั้งรวง รวงข้าวมีสีขาวเรียกอาการนี้ว่ารุนแรง
เช่น เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล พบปริมาณมากในฤดูนาปรัง การทำลายจึงสูงกว่าฤดูนาปี
ผีเสื้อหนอนกอข้าวจะเคลื่อนย้ายเข้าสู่แปลงนาเมื่อ ข้าวอายุระหว่าง 30-50 วัน
การระบาดมากน้อยขึ้นกับสภาพแวดล้อมและฤดูการทำนาของสถานที่นั้นๆ
สามารถเพิ่มปริมาณได้ 2-3 อายุขัยต่อฤดูปลูก
ตัวอ่อนเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
ลักษณะการทำลาย
เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยทำลายข้าวโดยการดูดกินน้ำเลี้ยงจากเซลส์ท่อน้ำท่ออาหารบริเวณโคนต้นข้าวระดับเหนือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น