วิธีการจัดการกับปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต
ดิน
การจัดการดินเปรี้ยว จัดเพื่อเพิ่มผลผลิตข้าว
วิธีการที่สะดวก ปฎิบิติได้ง่ายและได้ผลรวดเร็วคือการใช้วัสดุปูนทางการเกษตรเช่น
ปูนมาร์ล หินปูนบด หรือหินฝุ่นปรับปรุงดิน
โดยนำวัสดุปูนอัตราที่เหมาะสมไปหว่านให้ทั่วพื้นที่นา ไถคลุกเคล้ากับดิน
หมักไว้อย่างน้อย7วัน ในสภาพดินชื้น ดินเปรี้ยวจัด จะมีสภาพดีขึ้น ความเป็นกรดจะลดลง (ความเป็นกรด เป็นด่าง ของดินสูง อยู่ในช่วง 5.5-5.6)ปริมาณปูนที่เหมาะสมและแนะนำให้ใช้
สำหรับนาข้าว แบ่งเป็น3ระดับ คือ
-ดินเปรี้ยวกรดที่เป็นกรดรุนแรงน้อย(PH 4.5-5.0)ใส่ปูนมาร์ล
หินปูนบด หรือหินฝุ่น อัตรา500กิโลกรัมต่อไร่
-ดินเปรี้ยวจัดที่เป็นกรดรุนแรงปานกลาง(PH4.0-4.5)ใส่ปูนมาร์ล
หินปูนบดหรือหินฝุ่นอัตรา1,000กิโลกรัมต่อไร่
-ดินเปรี้ยวจัดที่เป็นกรดรุนแรงมาก(PHต่ำกว่า4.0)ใส่ปูนมาร์ล หินปูนบด หรือหินฝุ่น อัตรา1,000-1,500กิโลกรัมต่อไร่
ปริมาณน้ำ
หากปริมาณน้ำที่เรารับมาจากระบบชลประทานไม่เพียงพอ หรือปริมาณฝนไม่ตกตามฤดูกาลนั้น
เราก็ควรจัดทำบ่อน้ำไว้เพื่อกักเก็บน้ำในเวลาที่เกิดปัญหาเช่นนี้
แสงอาทิตย์
ปริมาณแสงมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตโดยที่พืชใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสงถ้าเกิดบริเวณที่เราปลูกข้าวนั้นพบว่ามีหญ้ารกขึ้นเยอะเกินไปหรือมีต้นไม้บังต้นข้าวของเราก็ควรกำจัดทิ้งได้
ศัตรูพืช
1.
ก่อนปลูกพืช
1.1 ในกรณีที่ปลูกพืชด้วยเมล็ดพันธุ์ ควรใช้เมล็ดพันธุ์ที่ปราศจากศัตรูพืช
เช่น โรค แมลงและวัชพืช โดยกรรมวิธีดังนี้
- แช่เมล็ดในน้ำร้อนอุณหภูมิ 50
- 55 ํC นาน 10-30 นาที
(ขึ้นอยู่กับชนิดของเมล็ดพันธุ์เพื่อกำจัดเชื้อราและแบคทีเรียบางชนิดที่ติด
มากับเมล็ด
- คลุกเมล็ดด้วยเชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์
เช่น เชื้อราไตรโคเดอม่า, เชื้อแบคทีเรีย Bacillus
subtilis (Bs) ขึ้นอยู่กับชนิดเมล็ดพืชและเชื้อสาเหตุของโรค
- ใช้พันธุ์ต้านทานโรค
แมลงและ/หรือวัชพืช
1.2 การเตรียมแปลงเพาะกล้า
- อบดินด้วยไอน้ำ
- คลุกดินด้วยเชื้อราปฏิปักษ์
เพื่อควบคุมเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคในระยะต้นกล้า
1.3 การเตรียมแปลงปลูก
- ไถพรวนและตากดิน 1-2 สัปดาห์ ในเมล็ดวัชพืชงอกแล้วไถกลบซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
- ใช้พลาสติกใสที่ไม่ย่อยสลายคลุมแปลง
ปลูกเพื่อกำจัดศัตรูพืชในดินโดยใช้แสงแดด
- ใช้ปูนโดโลไมท์หรือปูนขาวที่ได้จากธรรมชาติเพื่อปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง
ของดินให้ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
- ใช้น้ำขังท่วมแปลงเพื่อควบคุมโรคและแมลงที่อาศัยอยู่ในดิน
- ตากดินให้แห้งเพื่อกำจัดแมลงในดิน
- ใส่เชื้อราปฏิปักษ์ เช่น
ไตรโคเดอม่า ลงในดินสำหรับพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อราบางชนิด
2.
ระยะที่พืชกำลังเจริญเติบโต
2.1 การควบคุมโรค เมื่อมีการระบาดของโรคให้ปฏิบัติดังนี้
- โรยเชื้อราปฏิปักษ์รอบโคนต้น
- เก็บชิ้นส่วนของพืชที่เป็นโรคออกจากแปลงปลูกและนำไปเผาทำลาย
- ใช้เชื้อแบคทีเรีย Bsพ่นหรือทาแผลที่ต้นพืช
สารที่อนุญาตให้ใช้ควบคุมโรค
ได้แก่
- กำมะถัน
- บอร์โดมิกซเจอร์
- พืชสมุนไพรและสารสกัดจากสมุนไพร
- คอปเปอร์ซัลเฟต
- คอปเปอร์ไฮดรอกไซด์
- คอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ง
2.2 การควบคุมแมลง
-
สำรวจแมลงและศัตรูพืชอื่น ๆ ในแปลงปลูก
-
หากพบแมลงศัตรูพืชให้ปฏิบัติดังนี้
*กรณีแมลงศัตรูพืชมีจำนวนน้อย ให้ใช้วิธีการควบคุมทางชีวภาพ ได้แก่
- พืชหรือสารสกัดจากพืชสมุนพี เช่น
ดาวเรือง ว่านน้ำ พริก สาบเสือ ฯลฯ
- สารโรตีโนนจากหางไหลแดง
- สารสกัดจากสะเดา
- สารไพเรทรินจากธรรมชาติ
- ใช้จุลินทรีย์ปฏิปักษ์ เช่น
- เชื้อไวรัสNPV
- เชื้อแบคทีเรีย Bt
- เชื้อรา เช่น
เชื้อราเมตาไลเซี่ยม
- ใช้ตัวห้ำตัวเบียน
- ใช้น้ำสบู่ หรือ น้ำ
- ใช้สารทำหมันแมลง
- ใช้กับดักกาวเหนียว
กรณีแมลงศัตรูพืชระบาด
- ใช้กับดักกาวเหนียว/กับดักแสงไฟ
เพื่อลดปริมาณแมลง
- ใช้ white oil/ mineral
oil ที่ได้จากธรรมชาติ
2.3 การควบคุมวัชพืช
- ควรกำจัดวัชพืชในระยะก่อนออกดอกหรือติดเมล็ด
เพื่อลดปริมาณเมล็ดวัชพืชที่สะสมในดินฤดูต่อไป
- ใช้วิธีทางกายภาพ เช่น การถอน
การขุด การตัด ฯลฯ
- ใช้น้ำร้อน/ไอน้ำร้อน
- ปลูกพืชตระกุลถั่วคลุมดิน
- คลุมดินด้วยพลาสติกทึบแสงที่ไม่ย่อยสลาย
- ใช้สารสกัดจากพืช
- ใช้ชีววิธี เช่น แมลง สัตว์ หรือ
จุลินทรีย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น